ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ
ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
ความเป็นมาของ “คนขายแซนด์วิช”
หลังจากจบปริญญาตรีบริหารธุรกิจ(การเงิน) จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมืองออสติน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ.1973 ผมได้ทำงานอยู่ในวงการเงินและหลักทรัพย์เป็นเวลา16ปี หลังจากเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์เอเชียจำกัดอยู่11ปี ผมได้ตัดสินใจลาออกในปี 1990 เพื่อออกมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ให้กับลูกค้า ผมทำกำไรให้กับลูกค้าจนกระทั่งมีเงินทุนหลายร้อยล้านบาท แต่เมื่อตลาดหุ้นดิ่งเหวในปี1994 ผมและลูกค้าก็ได้ขาดทุนเป็นจำนวนมาก เหตุการณ์เลวร้ายลงอีก เมื่อโครงการคอนโดมิเนียมหรูในสนามกอล์ฟที่เขาใหญ่ขายไม่ได้ เพราะพิษเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 1997 (ปีIMF)
เมื่อขาดทุนจากตลาดหุ้นบวกกับโครงการคอนโดมิเนียมที่เขาใหญ่ขายไม่ได้และมีหนี้สินอีกเกือบ 1,000 ล้านบาท ในเดือนเมษายน 1997 ผมเริ่มขายแซนด์วิชตามข้างถนนในกรุงเทพเพื่อหาเงินจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน20คนที่ขอให้ผมช่วยเลี้ยง ผมจำได้ว่าวันแรกที่ขายแซนด์วิชนั้น ผมขายได้ 20 ชิ้น ชิ้นละ 25 บาทได้เงิน 500 บาท โดยใช้เวลา 6 ชั่วโมงครึ่ง จากวันนั้นถึงวันนี้นับเป็นเวลา 20 ปีแล้ว
เรื่องราวชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ของผมได้ถูกถ่ายทอดไปในสื่อในประเทศกว่า 350 ครั้ง และสื่อต่างประเทศกว่า 120 ครั้ง รวมทั้ง CNN,BBC WORLD,CNBC,NHK,REUTERS,AP,NEW YORK TIMES,LOS ANGELES TIMES ซึ่งสื่อต่างประเทศได้ขนานนามผมว่า “MR.SANDWICH OF THAILAND” “SANDWICH MAN”
ข้อคิดจากประสบการณ์
คนเราทุกคนมีปัญหาหมด เพียงแต่เราไม่รู้ว่าปัญหาคนอื่นใหญ่กว่าเรา เพราะฉะนั้นใครที่คิดสั้นคิดค่าตัวตายอะไรก็แล้วแต่ คุณจะเสียใจ คุณจะท้อแท้อะไรก็ได้ ไม่เป็นไรอันนี้ธรรมดา แต่คุณต้องกลับขึ้นมาใหม่ สู้ใหม่ เพราะคุณไม่รู้ว่าคนอื่นมีปัญหาเยอะกว่าคุณเยอะ เขาก็กลับขึ้นมาได้
ไม่เคยคิดหนี ไม่เคยคิดสั้น เพราะปัญหาเราสร้างเองเราต้องแก้เอง หากคิดสั้นแล้วคนอยู่ข้างหลังเราจะเป็นอย่างไร
อย่าคิดแต่จะร่ำรวยเงินทอง ให้คิดด้วยว่าทำอย่างไรจึงจะร่ำรวยความสุข
เวลาเราอยู่ในที่มืด ถึงแม้จะไม่เห็นหนทาง เราไม่รู้ว่าเราคลำซ้ายคลำขวา แต่เมื่อเราไม่หยุดคลานหาทางออก ในที่สุดเราจะเห็นแสงสว่างที่อุโมงค์
คนเราผิดหวังได้ แต่ต้องไม่สิ้นหวัง ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้ววันของเราก็จะมาถึง
ทุกอาชีพมีความสำคัญ คุณไม่มีสิทธ์ไปดูถูกอาชีพคนอื่น
ความสงสารมีแค่ครั้งแรก และครั้งเดียว ต่อไปทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณภาพและบริการของคุณ
ชีวิตที่มีค่า ไม่ใช่ชีวิตที่ร่ำรวย มีเกียรติ หรืออายุยืน แต่ชีวิตที่มีค่าคือชีวิตที่ตนเองมีคุณค่า และทำให้ชีวิตคนอื่นมีค่า
ที่สุดแห่งความเสียดาย คือตายไปแล้วใช้เงินไม่หมด ที่สุดแห่งความสลด คือใช้เงินหมดแล้วแต่ยังไม่ตาย
คนโง่ ฉลาดเอา คนมีปัญญา ฉลาดให้

ปัจจุบัน
นอกจากแซนด์วิชแล้ว ผมยังขายข้าวกล้องห่อสาหร่าย ปิต้าแซนด์วิช ข้าวกล้องอบกรอบตราศิริวัฒน์แซนด์วิชและไบรซ์ น้ำเม่าเบอร์รี่ตราศิริวัฒน์เม่าเบอร์รี่พร้อมทั้งเปิดร้านกาแฟ 1 แห่ง ภายใต้แบรนด์ SIRIDELI ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ชั้น3 อาคารวัฒโนสถ นอกจากนี้แล้วผมยังได้รับเชิญให้ไปบรรยายพิเศษให้กับบริษัทเอกชน สถาบันการศึกษา สโมสร ต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ ภายใต้หัวข้อ
“MY STORY,MY BRAND-SIRIVATSANDWICH”
ให้กับผู้ฟังมากกว่า 133,600 คนโดยที่งาน 9th APLIC Conference เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2007 ณ ไทเปอารีน่า นครไทเป ประเทศไต้หวัน มีผู้ฟังประมาณ 10,000 คน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ฟังให้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
คุณศิริวัฒน์บนสื่อต่างๆ
สื่อต่างประเทศ






















สื่อภายในประเทศ


























